วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สำนวนภาษาอังกฤษที่มักใช้บ่อย

     สำนวนภาษาอังกฤษที่นิยมใช้กัน นำสำนวนมาใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. สำนวนที่ใช้ถามว่า " เกิดอะไรขึ้น" หรือ "มีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้น" คือ
What happened ?
someone ?
What is wrong with
something
What is the matter ?

2. สำนวนที่ใช้ถามลักษณะว่าเป็นอย่างไร ใช้ได้ทั้งกับคนและสิ่งของWhat is the
weather like ?
What is your new teacher like?

3. สำนวนที่ใช้เมื่อประธานมิได้ทำกริยานั้นๆ ด้วยตนเอง แต่มีผู้อื่นทำให้
3.1 have (or get) + something + กริยาช่อง 3 เช่น
He has his room cleaned. (= Someone, cleans the room for him.)
3.2 have + someone + กริยาช่อง 1 (infinitive without to) เช่น
He has the servant clean his room.
3.3 get + someone + infinitive with to เช่น
He got a florist to send the flowers to me

4. สำนวนที่หมายถึงไปต่างประเทศ (to a foreign country)
ใช้ "go abroad" เช่น
He plans to go abroad next year.

5. สำนวนที่หมายถึง "สมัครงาน" คือ to apply for a job เช่น
She applied for an accountant. (= เธอสมัครเป็นนักบัญชี)

6. สำนวนที่ใช้กับ to spend มักใช้กับเงินหรือเวลา- spend + money + on + something
- spend + time + v. ing
เช่น The children spent 200 baht on the new toy.
The spent an hour doing the exercise.

7. สำนวนเกี่ยวกับเวลาอีกอย่างหนึ่ง คือ
It {takes } + time + to do something took
เช่น It takes us three hours to go to Hua Hin.

8. สำนวน to be fond of = like (ชอบ) เช่น
The girl is fond of singing = The girl likes singing.

9. สำนวนที่หมายถึง เก่ง/ไม่เก่ง หรือ มีความสามารถ/ไม่มีความสามารถ ในด้าน ……to be good at
เช่น He is good at dancing (= เขาเต้นรำเก่ง)
{to be bad at }
to be poor in = ไม่เก่ง, อ่อน
to be weak in
เช่น My students are poor in Physics. (= นักเรียนของฉันไม่เก่งฟิสิกส์)

10. to be on duty = อยู่เวรหรือระหว่างขณะปฏิบัติหน้าที่to be off duty = ออกเวรหรือไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่
to have a day off = ได้หยุดงาน 1 วัน เช่น
The have three days off for Chinese New Year. (=สำหรับตรุษจีน พวกเขาได้หยุดงาน 3 วัน)

11. เมื่อไม่เชื่อคำพูดของผู้พูดหรือสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นไปไม่ได้ จะถามว่า
Are you kidding? (=คุณล้อเล่นหรือเปล่า)

12. สำนวนที่ใช้กับ v. to have ซึ่งใช้กันบ่อยๆ ได้แก่
- have (or take) a bath / a shower = อาบน้ำ อาบน้ำฝักบัว
- have a break = พักคั่น หรือหยุดพักชั่วครู่
- have a cold / a flu / a headache / a toothache … = เป็นไข้หวัด / ไข้หวัดใหญ่ / ปวดหัว / ปวดฟัน …
- have a fever = เป็นไข้

13. to be over = จบสิ้น เสร็จสิ้น เช่น
The file was over.
บางทีใช้ "The time is up." หมายถึง "The time is over." (=หมดเวลา) ก็ได้

14. to be eager to do something = กระตือรือร้นที่จะทำ
to be ready to do something = พร้อมที่จะทำ…
to be willing to do something = เต็มใจที่จะให้…
to be about to do something = กำลังจะ เกือบจะทำ…
15. to be in order = อยู่ในระเบียบ เรียบร้อย ใช้ได้to be out of order = ไม่เป็นระเบียบ ใช้ไม่ได้ หรือเสีย เช่น
They couldn't hear anything because the radio was out of order. (=พวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะวิทยุมันเสีย)

16. สำนวนที่ใช้ตามด้วย v. ing ที่ควรรู้ ได้แก่
give up = หยุด หรือเลิกทำ
be (get) used to = เคยชินกับ
be (get) accustomed to
look forward to = คาดหวังที่จะ…
to be busy = ไม่ว่าง หรือวุ่นอยู่กับ
to be worth = มีค่าควรแก่การ…
I can't help = อดไม่ได้
I can't stand = ทนไม่ได้
no use = no good = ไม่มีประโยชน์ที่จะ

17. to be in trouble = อยู่ในภาวะยุ่งยาก หรือมีปัญหาto be in a hurry = รีบร้อน

18. สำนวนที่เกี่ยวกับ make ที่ควรจำ ได้แก่
make friends with… = ผูกมิตร หรือทำความรู้จักกับ..
make up one's mind = ตัดสินใจ
make fun of = หลอก แกล้ง
make a fool of

19. play a trick on someone = หลอกลวง

20. pay atttenion to = ให้ความสนใจ เอาใจใส่กับ..
21. on sale = ลดราคาfor sale = มีไว้สำหรับขาย
22. on time = ตรงเวลา
in time = ทันเวลา

23. to go for a walk = ไปเดินเล่น

24. to go on holiday = ไปเที่ยววันหยุดto go on business = ไปทำธุรกิจ

25. เวลาที่เราคิดหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรอยู่ จะใช้สำนวนที่หมายถึง มีอะไรอยู่ในใจ คือ something on one's mind เช่น
The debt is on his mind. (=เขากำลังคิดถึงเรื่องหนี้อยู่)

26. in advance หมายถึง "ล่วงหน้า"She plans in advance for the program next month. (= เธอวางแผนล่วงหน้าสำหรับรายการเดือนหน้า)

27. out of t question= impossible (เป็นไปไม่ได้)His adventure is out of the question. (= การผจญภัยของเขานั้นเป็นไปไม่ได้)

28. to make a promise = กระทำสัญญา
to keep a promise = รักษาสัญญา
to break a promise = ไม่รักษาสัญญา

29. fail to do something = พลาดที่จะทำ (คือ ไม่ได้ทำ) เช่น
We failed to pick her up at the airport. (= เราไม่ได้ไปรับเธอที่ สนามบิน)

30. succeed in doing something = ประสบความสำเร็จในการ… เช่น
He succeeded in controling the racing car. (= เขาประสบความสำเร็จในการควบคุมรถแข่งนั้น)

31. be equal to หมายถึง เท่ากันกับ … เช่น
His weight is equal to mine. (= น้ำหนักของเขาเท่ากับน้ำหนัก ของฉัน)

32. be similar to หมายถึง เหมือนกันกับ… เช่น
The weather here is not similar to that of England. (= อากาศที่นี่ไม่เหมือนกับอากาศที่อังกฤษ)

33. to lose one's way = to get lost = หลงทาง เช่น
Have you ever got lost in the forest? (= คุณเคยหลงทางในป่าไหม)

34. to learn by heart = ท่องจำ เช่น
He is good at learning by heart. (= เขาท่องจำเก่ง)

35. to lose one's heart = to fall in love with… = ตกหลุมรัก… เช่น
My friend has his heart to that lovely girl. (= เพื่อนของฉันตกหลุมรักผู้หญิงน่ารักคนนั้นเข้าแล้ว)

36. for good = forever = ชั่วนิรันดร เช่น
They left the village for good. (= พวกเขาออกจากหมู่บ้านไปตลอดกาล)

37. up to date = modern = fashionable หรือ to be in fashion = ทันสมัย กำลังเป็นที่นิยมหรืออยู่ในความนิยม เช่น
Jeans are not in fashion now. (= ยีนส์ไม่เป็นที่นิยมในขณะนี้)

38. out of date = ล้าหลัง ไม่ทันสมัย

39. to keep an eye on = to watch over = เฝ้าดู เช่น
She kept an eye on the little girl until her mother came back. (= เธอเฝ้าดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั้นจนกระทั่งแม่ของเธอกลับมา)

40. to make both ends meet = ทำให้รายได้พอกับรายจ่าย เช่น
Can you make both ends meet on your salary? (= คุณสามารถใช้จ่ายได้พอกับรายได้ซึ่งเป็นเงินเดือนของคุณหรือไม่)

41. hang up = วางหูโทรศัพท์

42. to deal with = จัดการกับปฏิบัติต่อ

43. bring up = ให้การอบรมเลี้ยงดู ให้การศึกษา เช่น
She was very well brought up in our family. (= เธอได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดีมากในครอบครัวของเรา)

44. run out of = หมด ขาดแคลน เช่น
That car has run out of petrol. (= รถคันนั้นน้ำมันหมด)

45. catch up with = ตามทัน เช่น
He ran so fast that I couldn't catch up with him. (= เขาวิ่งเร็วมากจนกระทั่งฉันตามไม่ทัน)

46. to have an appointment with someone = มีนัดหมายกับ… มักใช้อย่างเป็นทางการ เช่น
He has an appointment with the doctor. (= เขามีนัดกับแพทย์) แต่ถ้านัดกับเพื่อนหรือแฟนจะใช้สำนวนว่า have a date แทน เช่น
He has a date with his girlfriend.

47. to back up = support = สนับสนุน เช่น
The new movie star as suddenly come famous as there are may people who back up her. (= ดาราใหม่คนนั้นมีชื่อเสียงขึ้น กระทันหัน เพราะมีหลายคนสนับสนุนเธอ)

48. little by little = gradually = ทีละเล็กทีละน้อย เช่น
The director is getting fat little by little. (= ผู้อำนวยการเริ่มอ้วนขึ้น ทีละน้อย)

49. to be on the air = ออกอากาศทางวิทยุ หรือโทรทัศน์ เช่น
The Jazz music is now on the air. (= ดนตรีแจ๊สกำลังออกอากาศอยู่ขณะนี้)
ที่มา http://www.km.nida.ac.th/

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Greenhouse effect

    
      The greenhouse effect is a process by which thermal radiation from a planetary surface is absorbed by atmospheric greenhouse gases, and is re-radiated in all directions. Since part of this re-radiation is back towards the surface, energy is transferred to the surface and the lower atmosphere. As a result, the temperature there is higher than it would be if direct heating by solar radiation were the only warming mechanism.
       Solar radiation at the high frequencies of visible light passes through the atmosphere to warm the planetary surface, which then emits this energy at the lower frequencies of infrared thermal radiation. Infrared radiation is absorbed by greenhouse gases, which in turn re-radiate much of the energy to the surface and lower atmosphere. The mechanism is named after the effect of solar radiation passing through glass and warming a greenhouse, but the way it retains heat is fundamentally different as a greenhouse works by reducing airflow so that heat is not lost by convection.
     The greenhouse effect was discovered by French mathematician Joseph Fourier in 1824, first reliably experimented on by Irish physicist John Tyndall in 1858, and first reported quantitatively by Swedish scientist Svante Arrhenius in 1896
     
        ภาวะเรือนกระจก คือภาวะที่รังสีความร้อนแผ่มาบนพื้นผิวดาวเคราะห์ถูกดูดซับโดยแก๊สเรือนกระจก และแผ่รังสีต่อในทุกทิศทาง เนื่องจากส่วนของการแผ่รังสีต่อนั้นสะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก พลังงานถูกถ่ายโอนไปสู่พื้นผิวโลกและชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่า ผลที่ได้คือ อุณหภูมิจะสูงขึ้นกว่าอุณหภูมิที่มาจากรังสีของดวงอาทิตย์ปกติ

     รังสีจากดวงอาทิตย์เป็นแสงที่มองเห็นได้และมีความถี่สูง ผ่านชั้นบรรยากาศแล้วให้ความร้อนแก่พื้นผิวโลก พลังงานที่ปล่อยออกมานั้นเป็นรังสีอินฟาเรดที่มีความถี่ต่ำ รังสีอินฟาเรดถูกดูดซับโดยแก๊สเรือนกระจก ซึ่งจะเปลี่ยนรังสีเหล่านั้นเป็นพลังงานกลับไปในชั้นบรรยากาศและพื้นผิวโลก ปรากฏการณ์นี้ถูกตั้งชื่อหลังจากแสงอาทิตย์ส่องผ่านกระจกและทำให้แก๊สเรือนกระจกร้อน  แต่อย่างไรก็ตามแก๊สเรือนกระจกจะรักษาความร้อนไว้ ขณะที่เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก อากาศจะไหลเวียนไม่ได้ ดังนั้นความร้อนจึงไม่เสียไปโดยการพาความร้อน
      ปรากฏการณ์เรือนกระจกถูกค้นพบโดย นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ Joseph Fourier ในปี 1824 การทดลองครั้งแรกที่ยืนยันได้ทำโดยนักฟิสิกส์ชาวไอริส John Tyndall ในปี 1858 และรายงานเชิงปริมาณครั้งแรกถูกทำขึ้นโดย นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีดิช  Svante Arrhenius ในปี 1896

ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Greenhouse_effect

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

SinkHole


    A sinkhole, also known as a sink, shake hole, swallow hole, swallet, doline or cenote, is a natural depression or hole in the Earth's surface caused by karst processes — the chemical dissolution of carbonate rocks or suffosion processes for example in sandstone. Sinkholes may vary in size from 1 to 600 meters
(3.3 to 2,000 ft) both in diameter and depth, and vary in form from soil-lined bowls to bedrock-edged chasms. Sinkholes may be formed gradually or suddenly, and are found worldwide. The different terms for sinkholes are often used interchangeably.
       ซิงค์โฮล เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ซิงค์,เชคโฮล,หลุมกลืน,โดลีน หรือซีโนท มันถือบ่อหรือหลุมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบนพื้นผิวโลกซึ่งมีสาเหตุมาจากปรากฎการณ์ของหินปูน ในทางเคมีก็คือการละลายของหินคาร์บอเนต หรือปรากฎการณ์การกลายเป็นไออนของสารประกอบซัลเซอร์ใต้พื้นดิน ตัวอย่างเช่น หินทราย ซิงโฮลมักจะมีขนาดแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1ถึง600เมตร(3.3ถึง2000ฟุต)ทั้งความกว้างและความลึก และมักจะเป็นช่วงว่างของดินและหินที่อยู่ใต้พื้นโลก ซิงโฮลอาจจะเกิดอย่างช้าหรืออย่างรวดเร็วและสามารถพบได้ทั่วโลกแต่ขนาดและรูปแบบของหลุมอาจจะแตกต่างกันได้
   





   Sinkholes are common where the rock below the land surface is limestone, carbonate rock, salt beds, or rocks that can naturally be dissolved by ground water circulating through them. As the rock dissolves, spaces and caverns develop underground. Sinkholes are dramatic because the land usually stays intact for a while until the underground spaces just get too big. If there is not enough support for the land above the spaces then a sudden collapse of the land surface can occur. These collapses can be small or they can be huge and can occur where a house or road is on top.
    The most damage from sinkholes tends to occur in Florida, Texas, Alabama, Missouri, Kentucky, Tennessee, and Pennsylvania. The picture to the shows a sinkhole that quickly opened up in Florida, apparently eating a swimming pool, some roadway, and buildings.
       ซิงค์โฮล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นปกติในที่ที่มีหินอยู่ใต้พื้นดินซึ่งภายใต้พื้นดินอาจมี หินปูน หินคาร์บอเนต ซอล์เบต หรือหินที่ถูกน้ำใต้พื้นดินที่ซึ่งไหลหมุนเวียนผ่านพวกมันไปมาบ่อยๆ ขณะที่หินถูกกัดกร่อน จะเกิดช่องว่างภายใต้ดิน ปรากฏการณ์ซิงค์โฮล นั้นน่าทึ่งมากเพราะพื้นผิวดินจะยังคงเป็นปกติจนกระทั่งภายใต้พื้นดินนั้นมีช่องว่างที่ใหญ่จนมากพอ ถ้าไม่มีสิ่งที่คอยค้ำจุนพื้นดินเพียงพอ พื้นผิวดินก็จะถล่มลงมาทันที สามารถเกิดเป็นหลุมเล็กๆหรืออาจเกิดเป็นหลุมขนาดมหึมาและสามารถเกิดในบริเวณบ้านหรือถนนได้เช่นกัน
       
 ความเสียหายเนื่องจากปรากฏการณ์ซิงค์โฮลนั้นมักจะเกิดใน ฟลอริดา เท็กซัส อลาบามา มิสซุรี่ เคนทักคี่ เทนเนสซี่ และ เพนซิลวาเนีย  จากรูปแสดงถึงซิงค์โฮลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในฟลอริดา ซึ่งกินบริเวณไปถึงสระว่ายน้ำ ถนนบางส่วน และสิ่งก่อสร้าง

ที่มา: http://ga.water.usgs.gov/edu/earthgwsinkholes.html
         http://en.wikipedia.org/wiki/Sinkhole

My terrifying day

        April 3, 2010,was a terrifying day for me. It was 1:30 on a Saturday night in Thailand.  I was playing my computer game at living room. My parents slept in their bedroom. Suddenly ,the electricity was off. Everything were stopped and it’s very quite and very dark. I tried to found flashlight on my desk but it was missing. I was very afraid but still tried to found its. Finally ,I still didn’t found my flashlight and sat on my chair. When I was sitting on my chair for a few minutes ,the electricity was on. My father get off his bedroom and said to me “What are you doing ? It’s too late!!” My father was very angry. Next day I had lessen pocket money for day because I went to my bedroom too late. It was a terrifying day.